รอบรู้เรื่องลงทุน

อันแรกที่กินสัดส่วนกำไรไปเลยก็คือ ค่าวัตถุดิบครับ สำหรับค่าวัตถุดิบจะคิดเป็น 1,000 บาทต่อวันเลย แหละครับ : ตกต่อเดือนก็เป็นเดือนละ 30,000 บาท

ส่วนถัดมาก็คือเรื่องของพนักงานครับ สำหรับค่าจ้างพนักงานก็อยู่ที่คนละ 300 บาทต่อวัน ถ้าขายดีมากๆหน่อย ก็อาจจะต้องจ้างพนักงานถึง 2 คนครับ ทำให้ตกวันละ 600 บาทต่อวัน : ตกต่อเดือนก็จะเป็น 18,000 บาท

และค่าที่จะขาดไม่ได้เลยคือ ค่าเช่า และค่าน้ำค่าไฟครับ สำหรับค่าเช่าที่ทำเลดีๆหน่อยจะคิดเป็น 200 บาทต่อวัน ไปจนถึง 500 บาทต่อวันครับ ตีไปว่าเราขายในทำเลแบบกลางๆ 300 บาทต่อวัน : ตกต่อเดือนเป็น 9,000 บาท และค่าน้ำค่าไฟวันละ 100 บาท รวมกันจะตกต่อเดือน 12,000 บาทครับ

เมื่อเอามารวมกันแล้ว 30,000 + 18,000 + 12,000 : 60,000 บาทต่อวันครับ ยังเหลือกำไรอีกเน่าะๆ 3 หมื่นให้ใช้เลยแหละครับ

ทีนี้เรามาคิดดูว่า ค่าเหนื่อยของเราจะให้เท่าไหร่ ตีไปว่าเดือนละ 15,000 บาทแล้วกันครับ จะเหลือกำไรไว้ต่อยอดอีก 15,000 บาทเลย เรียกว่าคุ้มอยู่นะ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น อีกสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือ จำนวนของลูกค้าครับ เรามาลองดูกันว่า รายได้ 90,000 บาทต่อเดือนต้องขายได้ต่อเดือนกี่ชาม?

การคิดก็คิดแบบง่ายๆครับ 90,000 (รายได้) / 50 (ราคาขาย) / 30 (จำนวนวัน) : เท่ากับวันละ 60 ชามครับ

60 วันต่อชามถ้าทำได้จะมีกำไรเหลือ 15,000 บาทต่อเดือนโดยเราได้เงินเดือนไปแล้ว 15,000 บาทครับ แต่ถ้าน้อยกว่านั้นเมื่อไหร่ การเงินติดลบทันทีครับ ไปลองคิดดูดีกว่า 

• ถ้าเราลดลงมาเหลือวันละ 50 ชาม ก็มีความเป็นไปได้มากขึ้นครับ จะได้รายได้อยู่ที่ 75,000 บาท ถ้าเราจ่ายเงินเดือนให้ตัวเอง 15,000 จะเท่ากับว่าหมดพอดีครับ
• แต่ถ้าเราทำได้น้อยกว่านั้น วันละ 40 ชาม จะได้รายได้อยู่ที่ 60,000 ครับ และถ้าเอาไปลบกับค่าใช้จ่ายแล้ว สรุปว่าเดือนนั้นเราทำงานฟรีครับ
• ถ้าเราทำได้น้อยกว่านั้นอีกวันละ 30 ชาม จะได้รายได้อยู่ที่ 45,000 แปลว่าการเงินติดลบ 15,000 บาททันทีครับ

   

จะเห็นได้ว่า ถ้าขายไม่ค่อยดีการเงินจะติดลบเลย แต่ก็สามารถลดพวกวัตถุดิบลงมาได้เหมือนกันครับ แต่ก็คงอยุ่ที่เท่าทุนเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น ใครที่จะเปิดธุรกิจแฟรนไชส์นี้ ต้องมีทำเลที่ดี และมั่นใจว่าสามารถขายได้ วันละ 40 ชามขึ้นไปครับ

รวมถึงต้องชอบการทำอาหารด้วยนะครับ เพราะอยู่หน้าเตาร้อนๆ กับอากาศร้อนๆมันไม่ค่อยสบายเลยครับ บอกตรงๆ